วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ศาสตราจารย์นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร วิเคราะห์โครงกระดูกที่หมู่บ้านโปรตุเกส

ศาสตราจารย์นายแพทย์สุด แสงวิเชียรวิเคราะห์โครงกระดูกที่บ้านโปรตุเกส
ต้นปีพ.ศ.๒๕๒๗ ศาสตรจารย์ นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์แห่งพิพิธภัณฑ์ก่อนประวัติศาสตร์โรงพยาบาลศืรืราช อดีตอาจารย์ผู้สอนวิชา Anatomy ซึ่งได้รับเชิญจากนายปฏิพัฒน์ พุ่มพงษ์แพทย์(พี่ต๋อย) นักโบราณคดี หัวหน้าผู้ควบคุมการขุดค้นแหล่งโบราณคดีโบราณสถานโบสถ์ซานเปโตร ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านโปรตุเกส ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ไปกรุณาตรวจวิเคราะห์โครงกระดูกที่พบเป็นจำนวนมากจากการขุดแต่งเนินโบราณสถานแห่งนี้

บุคคลในภาพท่านแรก ใส่เสื้อเหลืองเห็นแต่ด้านหลังศีรษะ จำไม่ได้ว่าเป็นใคร ท่านที่สองด้านซ้าย เสื้อขาว กางเกงขายาวสีกรมท่า สวมหมวก นั่งคุกเข่าเท้าแขน คือ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุด แสงวิเชียร ถัดไปเห็นแต่มือซ้าย คือ อาจารย์วัฒนา ศุภวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านมานุษยวิทยากายภาพสมัยก่อนประวัติศาสตร์ อาจารย์พิเศษ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

บุคคลซึ่งนั่งชันเข่าด้านขวามือ วางท่าครุ่นคิด คือ นายปฏิพัฒน์ พุ่มพงษ์แพทย์นักโบราณคดี ศิษย์เอกอาจารย์หมอสุด แสงวิเชียร ที่สถานการณ์บังคับให้สร้างวีรกรรม สวมบทบาทเป็นนายแพทย์(ผ่า)ตัดนิ้วมือที่ขาดห้อยรุ่งริ่งให้แก่ชาวบ้านคนหนึ่งที่แหล่งโบราณคดีซับจำปา จ.ลพบุรีมาแล้วระหว่างที่อาจารย์ไม่อยู่ พี่ต๋อยเป็นนักโบราณคดีรุ่นบุกเบิกของแหล่งโบราณคดีหมู่บ้านโปรตุเกสที่มีเรื่องเล่าสนุกสนานแบบไม่รู้จบเลยทีเดียว

ด้านขวามือของพี่ต๋อย เป็นหนุ่มหน้าคมเข้ม ผมหยักศก สวมเสื้อม่อฮ่อม กางเกงยีน ชื่อ ปัญญา แก้วธรรม เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของผู้เขียน เป็นคนคุยสนุกสนาน ร่าเริง วาจาคมคาย ชอบดูลายมือให้เพื่อนๆ(สาว)ปัจจุบันเป็นภัณฑารักษ์ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ สังกัดกองประวัติศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ทหาร กรมยุทธศึกษาทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ตอนนั้นกำลังเรียนปี๔และอยู่ระหว่างการเดินทางไปเก็บข้อมูลเขียนสารนิพนธ์ เรื่องเครื่องแก้วที่หมู่บ้านโปรตุเกส

ถัดไปด้านหลัง คือ สาวสวยตาคมผมหยักศก ยืนค้อมกายนิ่งฟังอาจารย์หมอสุดอย่างตั้งใจ มีผ้าขนหนูพาดไหล่ เป็นนักโบราณคดีประจำโครงการ มีนามว่า พี่จ๊ะเอ๋ (มนต์จันทร์ น้ำทิพย์) ชื่อเหมือนนักร้องสาว เรียนจบไปแล้วยังนึกว่าอยู่ปี๒เสมอ ตอนหลังพี่จ๊ะสมรสกับนักภูมิสถาปัตย์ท่านหนึ่งของกรมศิลปากร
ส่วนสาวสวยสวมหมวกสาน เสื้อลายพราง กางเกงยีน นั่งพับเพียบใกล้ๆกับพี่จ๊ะเอ๋ เป็นนักโบราณคดีประจำโครงการอีกคน ชื่อ พี่นรา จบรุ่นเดียวกับพี่จ๊ะเอ๋ วันไหมแฟนพี่นรา ซึ่งเรียนจบจิตรกรรมมาเยี่ยมที่ไซต์ วันนั้นเป็นได้ฮากันท้องคัดท้องแข็ง เพราะไม่รู้ว่าแกไปสรรหาเรื่องเล่าสนุกสนานมาจากไหนได้มากมายก่ายกอง

คนยืนโก้งโค้ง ค้ำเข่าด้านหลังสุดในชุดเสื้อเชิ้ต กางเกงผ้ามันขาลีบ ผมค่อนข้างดก ปรกเกษา หน้าตาซื่อๆทีแรกไม่แน่ใจว่าเป็นนายพิรักษ์ ชวนะเกรียงไกร นักประวัติศาสตร์ประจำโครงการหรือนายพิทยะ ศรีวัฒนสาร นักศึกษาปริญญาตรี ภาควิชาโบราณคดี ชั้นปีที่ ๔ (ผู้เขียน)ซึ่งขณะนั้นกำลังเขียนสารนิพนธ์เรื่อง "ประเพณีการฝังศพของชาวโปรตุเกสสมัยกรุงศรีอยุธยาจากการขุดแต่งโบราณสถานโบสถ์ซานเปโตร แต่ตอนหลังมั่นใจว่าเป็นภาพของผู้เขียนเอง เพราะภาพนี้คุณพิรักษ์รับหน้าที่เป็นช่างภาพประจำแหล่งขุดค้นด้วยอีกตำแหน่งหนึ่ง

ที่พูดถึงบุคคลในภาพยืดยาวก็เพื่อที่จะเล่าว่า เมื่อประมาณปลายปี๒๕๕๑ สำนักโบราณคดี(อยุธยา) ได้จัดโครงการสัมมนาวิชาการขึ้น ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ ผู้ร่วมสัมมนาส่วนหนึ่งเป็นครูสอนสังคมศึกษา ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตโปรตุเกส รวมถึงท่านทูตและภริยา เมื่อพี่ต๋อยบรรยายถึงภาพข้างบน ท่านพูดไปเรื่อยว่าว่า "ภาพนี้เป็นภาพหมอสุดไปวิเคราะห์โครงกระดูกที่บ้านโปรตุเกส ส่วนคนในภาพตายหมดแล้ว" ขณะที่ผู้ร่วมฮาครืนด้วยความสงสาร(แบบไทยๆ)คนในภาพ แต่ผู้เขียนกลับเป็นห่วงพี่จ๊ะเอ๋ กับพี่นรา เพราะไม่ได้ข่าวมานาน ส่วนพี่แม้วนั้นยังพอทำเนา เพราะจะโทรศัพท์คุยกันประจำอยู่แล้ว
พอถึงช่วงซักถามและอภิปราย ผู้เขียนก็เลยยกมือขึ้นขอแก้ข่าวว่า "หลายคนในภาพ(อย่างน้อย ๓ คน)ยังมีชีวิตอยู่ " ทำให้คนในห้องสัมมนาฮาครืน(แบบไทยๆ)ด้วยความโล่งใจ

พอจบงานพี่ต๋อยมากระซิบว่า "แหม มาเมื่อไหร่ก็ไม่เห็นบอกพี่ ไปๆต่อกันที่โบสถ์ ซานเปโตร"
ด้วยความโหด มัน ฮา ของภาพนี้ หลังจากนั้นไม่นานภาพก็ถูกนำไปขยายติดเด่นที่โครงหลังคาเหล็กเหนือกรอบประตูด้านในทางทิศตะวันออกของอาคารจัดแสดงโครงกระดูกที่โบราณสถานโบสถ์ซานเปโตร

ผู้เขียนหวังแต่เพียงว่าพี่จ๊ะกับพี่นราจะอยู่สุขสบายดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น